แบบทดสอบผู้บริหาร

1. การบริหารวิชาการ ชุดที่ 1
งานวิชาการ   ชุดที่ 1   ชุดที่ 2  ชุดที่ 3   ชุดที่ 4       
2. ความสามารถในการบริหารงานในหน้าที่ : พงศพล คำโสภา
3. คำสั่ง คสช.

4. การจัดการเรียนการสอนทางไกล 
5. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม ชุดที่ 1
6. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม ชุดที่ 2
7. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม ชุดที่ 3
8. ด้านการเงิน
9. เทคโนโลยีเกี่ยวกับ ดิจิทัล ในการปฏิบัติงาน ชุดที่ 1
10. เทคโนโลยีเกี่ยวกับดิจิทัล ในการปฏิบัติงาน ชุดที่ 2
11. การบริหารงานทั่วไป ชุดที่ 1
12. การบริหารงานทั่วไป ชุดที่ 2
การเงิน บัญชี พัสดุ
ชุดที่ 1
ชุดที่ 1
ชุดที่ 2 
ชุดที่ 3
ชุดที่ 5 
ชุดที่ 6
14. ระบบดูแล ช่วยเหลือ นักเรียน
15. การจัดระบบควบคุมภายในสถานศึกษา
-เศรษฐกิจพอเพียง ชุดที่ 1 
-การวางแผนพัฒนาการศึกษา ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 
-การวิจัย นวัตกรรม เทคโนฯ ชุดที่ 1  ชุดที่ 2 ชุดที่ 3
- คุณธรรม จริยธรรม ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 
- งานบุคคล ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ชุดที่ 4 ชุดที่ 5 ชุดที่ 6 ชุดที่ 7 ชุดที่ 8 
- งานประกันคุณภาพ ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 
- งานนิเทศการศึกษา ชุดที่ 1 
- พรบ.เงินเดือน ชุดทีี่ 1 
- ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยความปลอดภัย ชุดที่ 1 
- วิธีปฏิบัติทางปกครอง ชุดที่ 1 
- พรบ.จัดซื้อ จัดจ้าง ชุดที่ 1 
- พรบ. ลุกเสือ ชุดที่ 1 
- พรบ. ความรับผิดและละเมิดฯ ชุดที่ 1 
- พรบ. ระเบียบบริหารราชการกระทรวงฯ ชุดที่ 1
- พรบ. ข้าราชการครูฯ ชุดทีี่ 1 ชุดที่ 2
- พรบ. ข้อมูลข่าวสาร ชุดที่ 1
- พรบ. คนพิการ ชุดที่ 1
- รธน. แห่งราชอาณาจักรไทย ชุดที่ 2
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ ชุดที่ 1
- ยุทธศาสตร์ชาติ ชุดที่ 1  ชุดที่ 2
- พรบ. สภาครู ชุดที่ 1 
- พรบ. กศ. ภาคบังคับ ชุดที่ 1 ชุดที่ 2
- นโยบาย สพฐ. ชุดที่ 1
- คณะกรรมการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ชุดที่ 1

เผยแพร่ผลงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหาร ชั้น ป.3


เรื่อง   รายงานผลการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้รายงาน  นายวิชิต   แจ่มใส
ปีที่ศึกษา    2560
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้  มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)  เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหาร  กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3  ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80  2)  เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียน และหลังเรียน  ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหาร  กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อสอบถามความพึงพอใจต่อการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหาร  กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ศึกษา  คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  3  โรงเรียนบ้านตายัวะ อำเภอปราสาท สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3  ภาคเรียนที่  2 ปีการศึกษา 2560  จำนวน  10  คน  ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)  เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้    คือ 1)  แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่  3  2)  แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การคูณและการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3  เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ  และ 3) แบบวัดความพึงพอใจต่อการเรียนคณิตศาสตร์  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ,  ร้อยละ, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติการทดสอบค่าที กรณีกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกัน   t-test for Dependent Samples)                                                         
ผลการศึกษาพบว่า  1)  แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การคูณและการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3  มีประสิทธิภาพเท่ากับ  84.58/90.33 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้  2)  ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ  .01  3)  ความพึงพอใจต่อการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การคูณและการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3  โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด


อยากเรียนหนังสือให้เก่งควรทำอย่างไร

     การศึกษาในประเทศไทยนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันมีการเเข่งขันในเรื่องของการเรียนกันสูงมากเพื่อที่จะได้จบออกมาเเล้วมีงานทำที่ดี เเละทำให้นักเรียนต้องเเข่งขันกันสอบกันในทุกระดับชั้น
    เเละเคยสงสัยกันไหมว่าทำอย่างไรถึงจะได้เรียนเก่งๆ ซึ่งบางคนเรียนอย่างไรก็ไม่เก่งไม่จำ มันมีวิธีการที่จะทำให้เราเรียนเก่งขึ้นได้ควรที่จะปฎิบัติดังนี้
       อย่างเเรกเราต้องเเบ่งเวลาให้เป็น ในชีวิตประจำวันของคนในวัยเรียนนั้นไม่ใช่เเค่เรียนอย่างเดียวเราต้องมีกิจกรรมอย่างอื่นด้วย เเต่ก็ไม่ทิ้งการเรียนดังนั้นเราต้องเเบ่งเวลาให้เป็น เรียนเเล้ว เราอาจจะมีกิจกรรมหลังจากเลิกเรียน อาทิ การเล่นกีฬา เล่นเกม หรือเจอเพื่อนเพื่อการพูดคุย บางคนอาจจะทำกิจกรรมจนเพลินลืมเรื่องการบ้าน อย่างนี้ไม่ดี เราต้องเเบ่งเวลาให้ถูกด้วยเพื่อที่จะไม่ให้เสียการเรียนถ้าทำได้เกรดต้องออกมาดีอย่างเเน่นอน
     ถัดมาคือการทบทวนตำราก่อนเเละหลังจากการเรียน การทำอย่างนี้เพื่อการที่จะให้สมองได้จำว่าเราเรียนอะไรไปบ้างในเเต่ละวันหาเวลาทบทวนอย่างน้อย1-2ชั่วโมงในวิชาที่เราไม่เข้าใจ ซึ่งจะสามารถช่วยในการเรียนในครั้งต่อไปได้อย่างเเน่นอน เเละไม่ต้องไปอ่านหนังสือมากด้วยเเต่เพียงทบทวนในสิ่งที่เรียนมาอย่างนี้น่าจะง่ายกว่าไปอ่านเสียอีก
     ต้องไม่เป็นคนที่ผลัดวันประกันพรุ่ง นักเรียนส่วนใหญ่อาจจะมีงานมาทำไม่ว่าจะเป็นการบ้านหรือว่างานกิจกรรมที่ต้องส่งอาจารย์ บางรายนั้น ไม่ทำรอให้ถึงวันสุดท้ายที่ส่งเเล้วค่อยมาทำอย่างนี้ไม่ดีต่อตัวเราเองอาจจะเป็นดินพอกหางหมูได้ จะทำให้งานหนักขึ้นในช่วงหลังเเละบวกกับการที่ต้องเรียนเเล้วอาจจะทำไม่ทัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีดังนั้นเราได้งานอะไรมาทำเเล้วก็ควรทำให้เสร็จทันที
     สิ่งที่ทำให้เราเรียนเก่งขึ้นได้นั้นคือการช็อตโน๊ต เขียนในสิ่งที่เราจะนำไปต่อยอดหรือการทบทวนตำราในข้อที่เรานั้นสงสัย ibet789
     นี้คือเทคนิคที่ง่ายอย่างมาก เราจะได้อ่านทบทวนในสิ่งที่เราเขียนไว้ได้ทันทีในข้อที่เราไม่เข้าใจเพื่อการไปเเก้ปัญหาในโจทย์ของเราได้ ข้อไหนสำคัญก็เขียนไว้ หากเเก้ไขไม่ได้เราก็จะได้นำไปปรึกษาอาจารย์ ซึ่งเราจะสามารถเเก้ปัญหาในข้อนั้นได้อย่างเเน่นอน
     เเละนี้คือเทคนิคง่ายที่จะทำให้เราสามารถเรียนได้เก่งมากขึ้น เเต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตั้งใจของเราเองหากเรามีความตั้งใจเเล้วไม่ว่าอะไรก็สามารถทำได้ขอให้มีความตั้งใจอดทนเเค่นี้ก็จะสามารถเรียนเก่งได้เช่นกัน